องค์พระปฐมเจดีย์
อยู่ในวัดพระปฐมเจดีย์ เป็นพระเจดีย์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สูงประมาณ 120
เมตร สร้างครอบพระเจดีย์องค์เดิมไว้
เพราะเคยปรากฏปาฏิหาริย์เป็นแสงให้เห็นอย่างชัดเจน
ต่อพระพักตร์พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ที่ 5 และที่ 6
มาแล้ว จึงเชื่อกันว่า ภายในมีพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า
ที่พระเจ้าอโศกมหาราชประทานมา
พระเจ้าอโศกมหาราช เป็นกษัตริย์ครองแคว้นมคธ ประเทศอินเดีย
เสวยราชย์ระหว่าง พ.ศ. 271 - 311 ซึ่งแต่เดิมทรงเลื่อมใสศาสนาพราหมณ์
ต่อมาทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ทรงสร้างพระสถูป
เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 84,000 องค์ ตามเมืองทั่วพระราชอาณาเขต
และได้ส่งสมณทูตไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาทั่วประเทศอินเดีย และต่างประเทศ
ทั้งตะวันตกและตะวันออก
พระปฐมเจดีย์องค์เดิมสันนิษฐานว่า
จะเป็นรูปคล้ายบาตรคว่ำ ตามแบบพระมหาเจดีย์ที่เมืองสัญจีในประเทศอินเดีย
พระเจ้าอโศกโปรดให้สร้างขึ้นไว้ แต่สร้างเมื่อใดไม่ปรากฏ
แต่หลักฐานทางโบราณคดีเชื่อกันว่า
พระเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช
องค์พระเจดีย์ได้รับการสร้างเสริมจากผู้มีอำนาจหลายครั้ง เช่น
มีการเปลี่ยนจากยอดฉัตร อย่างพระมหาเจดีย์สัญจีเป็นยอดปรางค์
แล้วยังเสริมยอดปรางค์ ซึ่งเป็นของเล็กให้สูงขึ้นเล็กน้อย องค์เจดีย์ค่อย
ๆ เปลียนจากทรงขันหรือบาตรคว่ำ มาเป็นทรงระฆังกลมสูงขึ้น
ในขณะพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผนวชเป็นพระภิกษุอยู่
ได้เสด็จมานมัสการ ทรงเห็นว่า พระปฐมเจดีย์เป็นปูชนียสถานที่มีขนาดใหญ่
จึงกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ของให้ทรงบูรณะ
แต่มีพระราชดำรัสว่า "เป็นของอยู่ในป่ารก
จะทำขึ้นก็ไม่มีประโยชน์อันใดนัก"
ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จเสวยราชสมบัติแล้ว ใน
พ.ศ. 2396 พระองค์จึงโปรดฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ
บุนนาค)
เป็นแม่กองเสริมสร้างตามแบบที่ช่างได้ขึ้นถวายใหม่เป็นเจดีย์ทรงกลม
ไม่มีฐานทักษิณ แต่เนื่องจากพระเจดีย์องค์ใหญ่โตมาก ต้องระดมใช้ช่างไทย
จีน เกณฑ์คนผลัดเปลี่ยนกันช่วยทำอิฐปูนและก่อสร้างเดือนละ 4 ผลัด ๆ ละ 200
คน สร้างไปได้ 2 ปี แม่กองสร้างได้ถึงแก่พิราลัย จึงโปรดฯ
ให้เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค) ผู้เป็นบุตรให้เป็นแม่กองสร้าง
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดฯ ให้สร้างโบสถ์วิหาร
และทรงชักชวนพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และพ่อค้าประชาชน
ร่วมกันสร้างกุฏิสงฆ์ และสิ่งจำเป็นอื่น ๆ
รวมทั้งโปรดให้ขุดคลองเจดีย์บูชา และคลองมหาสวัสดิ์
เพื่อให้คนเดินทางมาจากกรุงเทพฯ มานมัสการพระปฐมเจดีย์ได้สะดวกขึ้น
เพราะสมัยนั้นยังไม่มีทางรถยนต์เหมือนปัจจุบัน
พ.ศ. 2403
เกิดพายุฝนตกหนักหลายวันติดต่อกัน ดินรอบ ๆ องค์พระปฐมเจดีย์ อ่อนเหลว
ทำให้องค์พระยุบลง จึงโปรดให้แก้ไของค์พระเจดีย์เสียใหม่
โดยขยายให้กว้างและสูงกว่าเดิม ใช้ซุงทั้งต้นปักเป็นเข็ม
รัดด้วยโซ่เหล็กขนาดใหญ่เป็นเปลาะ ๆ แล้วก่ออิฐถือปูนหุ้มข้างนอก
ส่วนอิฐองค์พระเดิมที่พังทลายลงมาให้เกลี่ยปนกับดินจากที่อื่น ๆ
ทำเป็นลานทักษิณรอบ ๆ การสร้างพระปฐมเจดีย์เป็นโครงการที่ใหญ่มาก
นอกจากองค์พระเจดีย์โดยตรงแล้ว ยังต้องสร้างพระวิหารทิศ พระอุโบสถ
หอระฆัง หอกลองและศาลาต่าง ๆ อีกเป็นอันมากในบริเวณสังฆาวาส
หรือที่พระสงฆ์อยู่อาศัย ที่ทรงย้ายจากบริเวณทิศเหนือ
มาไว้ทางทิศใต้ขององค์พระเจดีย์ การก่อสร้างจึงต้องใช้เวลานาน
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินมาตรวจงานบ่อย ๆ
ทุกคราวที่เสด็จ จะทรงนำเอาแผ่นอิฐขึ้นไปบนนั่นร้าน
ก่อองค์พระเจดีย์ด้วยพระองค์เอง คราวละแผ่นสองแผ่นร่วมกับช่าง
นับว่าพระองค์ทรงร่วมในการก่อพระเจดีย์สำคัญองค์นี้
องค์พระเจดีย์สร้างอยู่ถึง 4 ปี ยังไม่เสร็จ พระอุโบสถพระวิหาร
เสนาสนะและสิ่งจำเป็นอื่นสำหรับพระอารามยังไม่ได้สร้าง
จึงทรงชักชวนพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ คฤหบดี
แลพ่อร้างมาร่วมสร้างกุฏิสงฆ์ เป็นหลัง ๆ รวม 24 หลัง
แต่เป็นของกะเกณฑ์เร่งด่วน และถือว่าเป็นของอยู่ในป่า
การสร้างกุฏิเหล่านี้จึงมิได้กำหนดรูปแบบให้
แล้วแต่ความคิดและทุนทรัพย์ของผู้ร่วมพระราชกุศล แต่ก็โปรดตรัสชมว่า
แปลกตาดีเหมือนกัน ส่วนพระอุโบสถพระวิหารและอื่น ๆ
ที่ส่งเสริมให้เกิดความสวยงามแก่องค์พระปฐมเจดีย์ตรงนั้น เป็นของประณีต
ต้องใช้ช่างที่ชำนาญพิเศษ จึงโปรดให้ช่างหลวงสร้าง
No comments:
Post a Comment